ทุกวันนี้สาวๆ หลายคนเริ่มหันมาใช้สกินแคร์ที่มีส่วนผสมของน้ำมันมากขึ้น เพราะคุณสมบัติที่ช่วยในการเพิ่มและกักเก็บความชุ่มชื้นบนผิว แต่ด้วยอากาศของประเทศไทยนั้น ทำให้สาวๆ เพิ่ม option ในการเลือกใช้น้ำมันเข้าไปอีก นั่นคือ… “ต้องบางเบาและไม่มีความันเยิ้ม” ผู้ผลิตหลายเจ้ามักใช้ซิลิโคนในเครื่องสำอางค์และผลิตภัณฑ์ดูแลผิวบางชนิด เพื่อให้ผลิตภัณฑ์ “ไม่มันเยิ้ม” และ “บางเบา” และเกือบจะ 100% ในท้องตลาดส่วนมากสกินแคร์กลุ่มนี้มักจะผสม “ซิลิโคน” แต่เคยสงสัยกันมั๊ยคะว่าซิลิโคนคืออะไร? มีประโยชน์หรือส่งผลเสียอย่างไรต่อผิวเราบ้าง?
ซิลิโคน (Silicone)
ซิลิโคน (Silicone) คือ สารกลุ่มโพลิเมอร์สังเคราะห์ มักใช้เป็นส่วนประกอบผลิตภัณฑ์เสริมความงามหรือสกินแคร์ต่างๆ ที่อยู่รอบตัวเรามากมาย ไม่ว่าจะเป็น ครีม โลชั่น เครื่องสำอาง ไปจนถึงแชมพู ครีมนวดผม ซิลิโคน เป็นสารที่ไม่มีสี โปร่งใส และมีรูปแบบที่หลากหลาย ไม่ว่าจะอยู่ในรูปของเหลว แป้งเปียก ยาง หรือแบบแข็ง โดยจุดเด่นของซิลิโคนคือ เป็นสารที่สามารถถูกนำมาออกแบบและพัฒนาให้มีความหลากหลายในการนำมาใช้งานตามความเหมาะสมของ ขนาดและประเภทของซิลิโคน และมีประสิทธิภาพในการเคลือบปิดพื้นผิวต่างๆ
เราสามารถศึกษาได้จากรายการส่วนผสมบนบรรจุภัณฑ์ ภายใต้ชื่อ “ไดเมทิโคน “, “ไซโกลเพนทาไซโลซาน”, “ไดเมทิโคนอล”, “เฟนิลไตรเมทิโคน”, “อาโมไดเมทิโคน”, “ไซโกลเมทิโคน” การตรวจสอบส่วนผสมของซิลิโคนที่ง่ายที่สุดสามารถสืบค้นจากท้ายคำที่ระบุว่า: –โคน, –โคนอล, –ซิเลน หรือ –ไซโลซ เหล่านี้ส่วนมาจากซิลิโคนทั้งหมด
ตัวอย่างของ Silicones ที่มีการใช้อย่างแพร่หลายคือ Dimethicone ซึ่งมีชื่อเต็มว่า Polydimethylsiloxane (PDMS) หรือ Dimethylpolysiloxane
Dimethicone ถูกนำมาใช้อย่างแพร่หลายเนื่องจากคุณสมบัติในความลื่นไหล โดยทั่วไป Dimethicone มีลักษณะใส ไม่เป็นพิษ ไม่ติดไฟ เราจึงมักเห็น Dimethicone ในแชมพูซึ่งทำให้ผมเงางามและลื่นสลวย, ใส่ในอาหารเพื่อให้ลดฟอง, ในงานก่อสร้างก็ถูกใช้เพื่อยึดติด และ/หรืออุดรอยรั่ว, ใช้เพื่อการหล่อลื่น, ใช้ในกระเบื้องป้องกันความร้อน ในทางเภสัชกรรม มีการนำเอา Dimethicone มาผสมกับ Silicon Dioxide เพื่อให้ได้เป็น Activated dimethicone หรือ Simethicone และนำมาใช้เป็นยาลดแก๊ส แก้ท้องอืด
ในทางการแพทย์ด้านศัลยกรรมตกแต่ง Dimethicone ถูกนำมาใช้ทำเปลือกชั้นนอกของวัสดุเสริมขนาดเต้านม ซึ่งภายในอาจบรรจุ Dimethicone หรือ Saline Solution (สารละลายน้ำเกลือ) Dimethicone ยังถูกใช้เป็นสารหล่อลื่นในถุงยางอนามัย
ทำไมซิลิโคนถึงถูกนำมาใช้งานอย่างแพร่หลายในอุตสาหกรรมความงาม?
นอกจากเรื่องป้องกันความมันและช่วยให้เครื่องสำอางติดทนแล้ว ซิลิโคนนั้นจะให้เนื้อผลิตภัณฑ์มีความ นุ่ม ลื่น เกลียง่าย เรียบสวยเหมือนกำมะหยี่ ช่วยทำละลายสีในผลิตภัณฑ์กลุ่มเมคอัพทั้งหลาย เช่น รองพื้น คอนซีลเลอร์ ให้กระจายตัวสม่ำเสมอ ทาแล้วไม่เป็นคราบและติดทน ละลายสารกันแดดประเภทกายภาพ เช่น ซิงค์ออกไซด์ ทิทาเนียมไดออกไซด์ ให้เข้ากันได้ดี ทาแล้วติดทน กันแดดได้อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยพรางรูขุมขนบนผิวหน้า ทำให้ผิวดูโกลว์ สะท้อนแสง ผลิตภัณฑ์กลุ่มไพรเมอร์ทั้งหลายไม่ว่าจะถูกจะแพงจึงมีซิลิโคนเป็นส่วนผสมอยู่เสมอ ให้เนื้อสัมผัสเมื่อทาลงบนผิวที่เยี่ยมมาก ทั้งนุ่ม ลื่น ซึมไว ไม่เหนอะหนะ ผู้ใช้ประทับใจ ผู้ผลิตจึงนิยมใส่ ทำให้น้ำใต้ผิวระเหยออก จัดเป็นมอยส์เจอร์ไรเซอร์ราคาถูกแต่ประสิทธิภาพสูง เป็นตัวนำพาสารต่างๆ ที่สำคัญได้อย่างมีประสิทธิภาพได้เป็นอย่างดี
ซิลิโคน เป็นที่กล่าวกันว่าสามารถสะสมบนผิวหนัง อุดตันรูขุมขน และทำให้ผิวแห้ง บางครั้งอาจทำให้ผมและผิวพองตัวขึ้น นอกจากนี้ยังเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ถึงความรู้สึกหลังใช้ ว่าอาจทำให้ผมหรือผิวมันเร็วและมีสัมผัสไม่นุ่มนวล ซิลิโคนย่อยสลายได้ยากในธรรมชาติ หมายถึงซิลิโคนบางชนิดอาจเกิดการสะสมได้
ต้องพูดกันอย่างตรงไปตรงมาว่า ปัจจุบันยังไม่มีงานวิจัยหรือหลักฐานทางวิชาการที่แสดงให้เห็นว่าซิลิโคนมีคุณสมบัติเป็น comedogenic หรือทำให้เกิดการแพ้หรืออุดตันแต่อย่างใด เพราะขนาดโมเลกุลของซิลิโคนมีขนาดใหญ่เกินกว่าที่จะถูกดูดซึมเข้าสู่ผิวหนังได้ ทำได้แค่เพียงแผ่เป็นฟิล์มเคลือบผิวชั้นนอกเท่านั้น และนอกจากนี้ซิลิโคนเองก็ยังช่วยปิดกั้นการระเหยของน้ำใต้ผิว จึงเหมาะมากสำหรับผู้ที่มีปัญหาผิวแห้ง ส่วนผู้ที่มีผิวมันซิลิโคนก็ไม่เพิ่มความมันและความเหนอะหนะให้ผิวเหมือนสารกลุ่มน้ำมันแบบทั่วไปอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม ซิลิโคนในเครื่องสำอางอาจเพิ่มการดูดซึมของสารบางชนิดได้ เช่น สารกลุ่มน้ำมันจากพืช (plant oil) ที่ผสมอยู่ในสูตรเดียวกัน ทำให้เกิดการอุดตันอาจเกิดได้จากน้ำมันเหล่านี้
แม้เรารู้ดีว่าถึงแม้ว่าซิลิโคนจะไม่เป็นอันตราย แต่ก็อาจทำให้รูขุมขนของคุณอุดตันและสิวจะปรากฏขึ้น เวอร์น่ามั่นใจว่า“ การมีสิว” ไม่เคยเป็นเป้าหมายสำหรับคนที่อยากมีผิวสวย
เพราะถึงแม้ซิลิโคนจะไม่เป็นพิษและมีอันตรายต่ำต่อมนุษย์ ยังมีเหตุผลอื่นที่ควรพิจารณาหลีกเลี่ยงการใช้เครื่องสำอางที่มีซิลิโคนเป็นส่วนผสม เพราะเมื่อนำผลิตภัณฑ์เหล่านั้นทาบนผิวจะเป็นเหมือนเอาพลาสติกมาห่อผิว แม้จะป้องกันการสูญเสียความชุ่มชื้นได้ แต่ก็จะทำให้สิ่งสกปรก เหงื่อ เชื้อแบคทีเรีย ไขมัน เซลล์ผิวหนังที่ตายแล้ว สะสมหมักหมมอยู่บนผิวหนัง เมื่อมีไขมัน เซลล์ผิวหนังที่ตายแล้ว และแบคทีเรียอยู่ใต้ชั้นของซิลิโคนเป็นเวลานานๆ อาจทำให้เกิดสิวอุดตัน หรือสิวอักเสบได้
นอกจากทำให้เกิดสิวแล้วซิลิโคนยังกันไม่ให้ผิวได้รับความชุ่มชื้นจากภายนอก อาจทำให้ผิวแห้ง ร่วมกับการที่เซลล์ผิวหนังที่ตายแล้วไม่สามารถถูกผลัดออกไปได้ มีผลทำให้ผิวหนังมีสภาพแห้งและหมองได้ การที่ผิวหนังไม่สามารถผลัดเซลล์ที่ตายแล้วได้ตามธรรมชาติ มีผลทำให้การเจริญของเซลล์ใหม่เกิดขึ้นช้าลง อาจทำให้การสร้างเม็ดสีของผิวหนัง รอยแดง หรือแผลเป็นเกิดขึ้นได้ และที่สาวๆ หลายครั้งไม่รู้ การใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีซิลิโคนนั้นทำให้รู้สึกว่าผิวเรียบลื่น แต่ที่จริงแล้วไม่ได้บำรุงผิวแต่อย่างใด!!!
นั้นจึงเป็นเหตุผลที่ทำให้เวอร์เลือกที่จะไม่ใช้ซิลิโคนเป็นส่วนประกอบน้ำมันบำรุงผิวของเรา
น้ำมันธรรมชาติสูตรพิเศษของเวอร์น่าผสมน้ำมันจากพืช 100% ซึ่งเป็นน้ำมันบำรุงผิวที่ทุกคนควรมีไว้ประจำบ้าน ประกอบด้วยน้ำมันโจโจบา น้ำมันเมล็ดองุ่น น้ำมันมะกอก น้ำมันอัลมอนด์ และน้ำมันอะโวคาโด เราไม่จำเป็นต้องใช้ซิลิโคน เพราะน้ำมันที่เราใช้สามารถช่วยให้ดูดซึมได้ดี ไม่ระคายเคือง แต่ให้ความชุ่มชื้นในเวลาเดียวกัน นอกจากนี้เวอร์น่ายังเพิ่มสารสกัดจากมังคุด สามารถทำให้ผิวของคุณสดใสและเปล่งประกายในเวลาเดียวกัน
คุณสามารถใช้น้ำมันเวอร์น่าได้ตั้งแต่เส้นผมจรดปลายเท้า หากคุณเป็นคนที่ใส่ใจเรื่องส่วนผสมและกำลังมองหาน้ำมันบำรุงผิวแบบ All in One คุณควรลองใช้ Verna Multipurpose Oil สิคะ