หากหลายๆคนที่เคยไปแว็กซ์ที่ร้านแล้วจะพบว่า ช่างแว็กซ์ที่เคยไปแว็กซ์มา เค้าดูชำนาญมาก ทำให้การแว็กซ์เหมือนเป็นเรื่องที่ง่ายดาย แต่เมื่อคุณกลับมาลองทำด้วยตัวเองแล้ว ดันไม่ใช่แบบที่เห็นเลย
วันนี้เราจะทำให้คุณเปลี่ยนไป เพราะเมื่อคุณได้อ่านบทความนี้คุณจะกลายเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการแว็กซ์ทันที ก่อนอื่นเลย ต้องเลือกแว็กซ์ให้เหมาะกับการใช้งานก่อน คุณสามารถเข้าไปอ่านได้ที่ 👉🏻 เลือกแว็กซ์อย่างไร เอาล่ะ เรามาเริ่มกันเลย!!
แว็กซ์ให้ชำนาญเหมือนมืออาชีพ
ขั้นตอนที่ 1 เราต้องรู้ก่อนว่าส่วนที่เราต้องการแว็กซ์นั้นควรใช้แว็กซ์แบบไหน เพราะแว็กซ์แต่ละแบบ อาจไม่เหมาะสมกับบริเวณและลักษณะของเส้นขนที่เราต้องการแว็กซ์ โดยบริเวณที่เป็นขนที่เป็นเส้นหนา เช่นขนบริเวณรักแร้ จุดซ่อนเร้น หนวด เครา และพื้นที่แคบๆ ควรใช้แว็กซ์สูตร Soft touch (สีชมพูหรือสีน้ำเงิน) ซึ่งเป็น Hard Wax สูตรที่ใช้ง่ายแห้งไว กำจัดขนเส้นหนาได้อย่างดีเยี่ยม ง่ายสำหรับมือใหม่ ที่ต้องการแว็กซ์บริเวณดังกล่าว แต่ไม่ควรใช้กำจัดขนเส้นบางและพื้นที่บริเวณกว้าง
ส่วนการแว็กซ์ขนเส้นบาง และบริเวณที่เป็นพื้นที่กว้าง ควรใช้แว็กซ์สูตร Premium (สีขาว) ซึ่งเป็น Hard Wax สูตรพิเศษที่แตกต่างจากแว็กซ์แบบทั่วไป ที่สามารถกำจัดขนได้ทุกแบบ ด้วยเนื้อสัมผัสที่เข้มข้น มีความเหนียวหนืด จึงทำให้สามารถกำจัดขนเส้นบางได้อย่างดีเยี่ยม และมีจุดหลอมเหลวต่ำ ละลายได้ง่าย แต่สูตรนี้จะค่อนข้างใช้ยากกว่าสูตร Soft touch ดังนั้นควรจะศึกษาวิธีการใช้อย่างละเอียด
ขั้นตอนที่ 2 เตรียมผิวให้พร้อม
ในการแว็กซ์ขน เราต้องตรวจสอบผิวของเราว่าพร้อมที่จะแว็กซ์หรือไม่ โดยมีรายละเอียดดังนี้
ข้อควรระวังก่อนแว็กซ์
- ไม่ควรแว็กซ์บริเวณที่มีแผลหรือมีการอักเสบของผิว
- ห้ามใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีกรด หรือไวเทนนิ่ง ก่อนและหลังแว็กซ์ 1-2 วัน
- ขนควรยาวอย่างน้อย 5-8 มิลลิเมตร
- หากแว็กซ์จุดซ่อนเร้นเช่น บิกินี่ ควรเล็มให้ขนสั้นลงก่อน
เตรียมผิวก่อนแว็กซ์
- ทำความสะอาดผิวด้วยผ้าชุบน้ำ
- บำรุงด้วย Multipurpose Pre- Waxing Oil *มีส่วนผสมของน้ำมันอัลมอนด์ ผู้ที่แพ้ถั่วควรปรึกษาแพทย์ก่อนใช้งาน
- เช็ดทำความสะอาดคราบมันส่วนเกิน
ขั้นตอนที่ 3 ทาแว็กซ์ลงบนผิว
แต่ก่อนที่เราจะนำแว็กซ์มาทาลงบนผิว เราต้องเช็คให้แน่ใจก่อนว่าแว็กซ์นั้นมีอุณภูมิที่เหมาะสมหรือไม่ โดยสามารถสังเกตได้จากเนื้อแว็กซ์ เมื่อละลายแล้วต้องไม่เหลวจนเกินไป ควรให้มีความหนืดเหมือนน้ำผึ้ง ถ้าเหลวไปควรทิ้งไว้ให้คลายความร้อนก่อน เมื่อแว็กซ์มีลักษณะดังกล่าวแล้วควรนำมาเช็คความร้อนที่ฝ่ามือก่อนทาลงบนผิวจริงๆ
วิธีการทา คือ ทาตามแนวเส้นขน สำหรับมือใหม่ไม่ควรทากว้างเกินไป เพราะ จะดึงออกยาก ควรเริ่มจากชิ้นเล็กๆก่อน
ขั้นตอนที่ 4 ดึงแว็กซ์
ขั้นตอนนี้เป็นอะไรที่ง่ายมาก แต่ลำบากใจมากที่สุด เพราะกลัวเจ็บนั่นเอง แต่เมื่อคุณได้อ่านมาถึงตรงนี้แล้ว คุณไม่ต้องกลัวอีกต่อไป เพราะ เรามีเทคนิคที่ช่วยบรรเทาความเจ็บได้ นั่นก็คือ เทคนิคการดึง วิธีการดึงที่ถูกต้องและได้ผล เจ็บน้อยกว่า คือ การดึงให้เร็วและแรงและดึงตรงข้ามแนวเส้นขน นั่นหมายถึงการดึงสวนทางกับตอนที่ทานั่นเอง
ทริคเพื่อลดความเจ็บ
- ควรออกแรกดึงให้แว็กซ์หลุดภายในครั้งเดียว
- ควรใช้มืออีกข้างจับผิวไว้ให้ตึงเพื่อไม่ให้ผิวเคลื่อนที่ไปกับแรงดึง
- เมื่อดึงเสร็จให้กดผิว ย้ำๆนวดๆให้ผิวผ่อนคลาย
ขั้นตอนที่ 5 ทำความสะอาดคราบแว็กซ์และบำรุง
มาถึงขั้นตอนสุดท้ายกันแล้ว เมื่อเราแว็กซ์เสร็จเรียบร้อยอาจมีคราบแว็กซ์หลงเหลืออยู่ ให้ใช้ออยล์ที่ทาก่อนลงแว็กซ์มาเช็ดทำความสะอาด ตัวออยล์จะทำให้แว็กซ์หลุดออกได้อย่างง่ายดายจากนั้น ให้ใช้ Multipurpose Post- Waxing Serum ที่มีสารสกัดจากว่านหางจรเข้ ดอกคาโมไมล์ และสารสกัดจากธรรมชาติอื่นๆที่ช่วยปลอบประโลมผิวที่ผ่านการแว็กซ์ ลดรอยแดง และบำรุงให้ชุ่มชื้นมากขึ้น
เพื่อให้เข้าใจวิธีการแวกซ์อย่างชำนาญให้มากยิ่งขึ้น เราจะสรุปให้ทุกคนทราบกันอีกครั้งนะคะ
- การเตรียมผิว ต้องไม่ให้มีเหงื่อ หรือสิ่งสกปรกติดอยู่บนผิว และต้องไม่มีบาดแผลหรือการอักเสบใดบนผิว ซึ่งอาจเป็นสาเหตุในการเกิดการระคายเคืองเพิ่มขึ้นได้ หากมีบาดแผลควรทิ้งไว้บาดแผลหายสนิทแล้วจึงค่อยทำการแว็กซ์ขน ขอแนะนำ น้ำมันบำรุงผิวอเนกประสงค์จาก Verna เพื่อให้ผิวชุ่มชื้นเป็นประจำ และช่วยลดการระคายเคืองจากการแว็กซ์ เนื่องจากผิวหนังที่แห้งเกินไป ควรใช้น้ำมันบำรุงก่อนทำการแว็กซ์ ประมาณ 3-4 ชั่วโมง หรือหากทาก่อนเริ่มทำการแว็กซ์ทันที ให้ใช้กระดาษทิชชู่เช็ดน้ำมันที่เหลือออกจากผิว
- การเตรียมแว็กซ์ เทแว็กซ์ลงในหม้ออุ่นแว็กซ์ เปิดความร้อนไปที่สูงสุดและรอจนแว็กซ์ละลายเป็นเหลวทั้งหมด แล้วจึงลดอุณหภูมิไปจนระดับกลางและทำการพักไว้ที่อุณหภูมิระดับนี้ ประมาณ 5 นาที แว็กซ์จะเหลวข้นเหมือนคาราเมล
- ลงมือแว็กซ์
- หากเป็นแว็กซ์ Premium Pearls ที่สามารถใช้ได้ทั้งขนเส้นหนา และขนเส้นบาง ให้ทาแว็กซ์ตามเส้นแนวขนในระดับปริมาณบางๆ เนื่องจากเนื้อแว็กซ์มีความหนืดและแห้งชา รอสักครู่จนแว็กซ์แห้งดีแล้วจึงดึงย้อนแนวเส้นขน หากทาแว็กซ์บางเกินไปให้ใช้ไม้แว็กซ์ในการช่วยดึง ระมัดระวังไม่ควรใช้บริเวณจุดซ้อนเร้นหากยังไม่ชำนาญ
- หากเป็นแว็กซ์ Soft Touch ที่เหมาะกับบริเวณที่มีขนเส้นหนา สามารถทาแว็กซ์ตามเส้นแนวขนในระดับหนาได้ เนื่องจากมีคุณสมบัติพิเศษที่แห้งไว รอเพียงแค่ 15 – 20 วินาทีก็สามารถดึงแว็กซ์ออกได้
- การดูแลหลังการแว็กซ์ ควรทำความสะอาดคราบแว็กซ์ที่หลงเหลืออยู่ด้วยน้ำมัน หรือเซรั่ม นวดเบาๆเพื่อบรรเทาความเจ็บจากการดึงแว็กซ์ และช่วยถนอมผิวไปด้วยในคราวเดียวกัน ขอแนะนำ เซรั่มอเนกประสงค์ จาก Verna ที่ช่วยประโลมผิวหลังการแว็กซ์ ให้ความชุ่มชื้นแก่ผิวทันทีที่ใช้ และป้องกันการเกิดขนคุด
เพียงเท่านี้คุณก็จะได้ผิวที่เรียบเนียนไร้ขนกวนใจ แต่หลังจากการแว็กซ์ 3-4 วัน คุณควรดูแลผิวเป็นพิเศษโดยมีข้อแนะนำดังนี้
- ห้ามสครับผิว
- ห้ามโดนน้ำทะเล
- ห้ามอาบแดด
- ห้ามใช้สกินแคร์ที่เป็นกรด (ครีมทาผิวขาวต่างๆ)
ซึ่งหากผ่าน 3-4 วันแรกไปแล้วถึงสามารถทำได้ และถ้าสครับผิวอย่างเป็นประจำ จะช่วยไปทำลายรากขน ซึ่งทำให้ขนขึ้นช้าลงด้วย ลองมาดูตัวอย่างการแว็กซ์เพื่อกำจัดขนใต้รักแร้กันดีกว่าค่ะ
สำหรับใครที่มีคำถามเพิ่มเติมเกี่ยวกับการแว็กซ์ สามารถแอดไลน์ @vernawax เพื่อสอบถามได้เลยค่ะ
สามารถติดตามข่าวสารได้ทาง
Instagram : vernawax.official
Facebook : Verna Wax Spa Time
Line@ : @vernawax
#verna #vernawax #vernajournal #vernalifestyle
#waxing #hardwaxing #hairremoval #Paraffin
#แว็กซ์กำจัดขน #แว็กซ์รักแร้ #แว็กซ์บิกินี่ #แว็กซ์กำจัดขนด้วยตัวเอง
#พาราฟิน #แว็กซ์ร้อน #แว็กซ์เย็น #กำจัดขน#แว็กซ์หนวด
#แว็กซ์ร้อนกำจัดขน#แว็กซ์ร้อนกำจัดขนที่ใช้ดีที่สุด
#hardwaxbeans#vernaspa#แว็กซ์ขน#แว๊กขนรักแร้#แว็กซ์ขนขา
#hairremoval#ออยล์บำรุงผิว#ผิวชุ่มชื้น#waxing#prewax#postwax